"แนวคิดเลิกเรียนเร็วขึ้นเป็นเวลา14.00น.แต่เป็นแนวคิดของสพฐ.ที่จะนำร่องลดเวลาเรียน เราต้องการลดเวลาเรียน แต่เพิ่มความรู้ สพฐ. รายงานว่าจะนำร่องในโรงเรียนประถมศึกษา 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 3,500 โรงก่อนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 นี้" พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวด้วยว่า ไม่ใช่ว่าลดเวลาเรียนไปสองชั่วโมงแล้ว จะปล่อยให้เด็กไปเละเทะ เราจะหาความรู้ให้เด็ก โดยเด็กจะต้องมีความสุขไม่เครียดกับกิจกรรมในสองชั่วโมงหลังนี้ และกิจกรรมที่ว่านี้ต้องไม่สร้างภาระเพิ่มเติมให้กับเด็กอีก โดยขณะนี้สพฐ. กำลังวางรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลายให้กับเด็กอยู่ อาทิ การจัดสอนเสริมวิชาที่เด็กยัง อ่อนอยู่ การสอนการบ้านให้เด็ก เพื่อให้เด็กกลับบ้านไปอย่างมีความสุขไม่ต้องกังวลหรือพะวงว่ามีการบ้านค้างอยู่ หรือกิจกรรมดนตรี ศิลปะ เป็นต้น โดยระหว่างดำเนินการนำร่อง 1 เทอมนี้ จะต้องศึกษา วิเคราะห์ ปรับแก้ และพัฒนาให้ได้รูปแบบที่เหมาะสม เพื่อเป็นต้นแบบให้โรงเรียนที่เหลือใช้ดำเนินการต่อไป
พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวต่อว่า ประเด็นนี้ศธ. ต้องการตอบโจทย์ว่าทำอย่างไรเด็กถึงจะมีความสุขในการเรียน ทำอย่างไรผู้ปกครองถึงจะมีความสุขกับการศึกษาที่บุตรหลานจะ ได้รับ และทำอย่างไรครูจะมีความสุขกับการ จัดเรียนการสอนให้กับนักเรียน
"ฉะนั้นหากลดชั่วโมงเรียน แต่เพิ่มความรู้ให้กับเด็ก ผมมั่นใจว่าเด็กมีความสุข และค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าผู้ปกครองเองก็จะมีความสุขเมื่อเห็นลูกหลานมีความสุข ที่สำคัญแนวทางการลดเวลาเรียนที่จะเกิดขึ้นนี้ คณะทำงานได้ศึกษาแล้วว่าจะลดวิชาหลักไหน ที่ไม่มีผลกระทบต่อเด็ก ไม่ใช่บังคับให้ลดเวลาเรียนแล้วต้องหลับหูหลับตาดำเนินการตามคำสั่ง" พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากเด็กบางคนจำเป็นต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ทำงาน ก็ยินดีให้กลับในเวลาบ่ายสอง แต่จะต้อง ลงทะเบียนหรือมีกระบวนการตรวจสอบระหว่างครูที่ปรึกษากับผู้ปกครองเด็กโดยตรงด้วย สรุปแล้วเป้าหมายของเราในครั้งนี้คือต้องการให้เด็ก ผู้ปกครอง และครูมีความสุข
        Loading...
    
